Currently available on 1 streaming service.
Year:2025 Duration: 1 : 30 h.
IMDb RATING : 6.3 / 10
Director : Chris Smith
เนื่องจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์และการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีขึ้น อายุขัยของเราจึงยาวนานขึ้น แต่เราก็เห็นคนที่เรารักมีชีวิตยืนยาวขึ้นพร้อมกับโรคภัยที่มากขึ้นเช่นกัน หัวใจ ปอด ข้อต่อ รวมถึงความสามารถด้านการรับรู้และความจำเสื่อมถอยลง ทำให้ช่วงปีสุดท้ายของชีวิตมักเต็มไปด้วยความเจ็บปวด—และค่าใช้จ่ายมหาศาล—สำหรับผู้สูงอายุ ครอบครัว และผู้ดูแล
คำตอบของมหาเศรษฐี ไบรอัน จอห์นสัน ต่อปัญหานี้คือหัวข้อของสารคดี Netflix เรื่อง Don’t Die: The Man Who Wants to Live Forever ซึ่งเล่าถึงความพยายามของจอห์นสันที่ทุ่มทั้งทรัพย์สินและเวลาทั้งหมดให้กับ Blueprint Protocol โปรแกรมที่เขาอ้างว่าเป็นอัลกอริทึมที่ไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุขัยออกไปอย่างไม่สิ้นสุด แต่ยังสามารถย้อนกระบวนการชราภาพได้ ผ่านการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และการรักษาต่าง ๆ ตั้งแต่แนวทางที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ ไปจนถึงระดับที่ว่า “ได้ผลในหนูทดลอง”, “น่าจะได้ผลในหนูทดลอง”, “ก็น่าลองดู”, และ “ต้องบินไปเขตปลอดกฎหมายในฮอนดูรัสเพื่อฉีด เพราะไม่มีที่ไหนในโลกจะยอมให้มนุษย์เข้าใกล้มัน”
จอห์นสันพูดติดตลกว่ามันอาจทำให้เขากลายเป็น ฮัลค์ หรือมีพลังยกได้ทั้งรถ (ผู้บรรยาย: มันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก) ส่วนแพทย์ที่รับผิดชอบยืนยันว่าการบำบัดด้วยยีนนี้มี “สวิตช์หยุดทำงาน” เผื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น—ซึ่งฟังดูคล้ายพล็อตหนังไซไฟมากเกินกว่าจะทำให้รู้สึกสบายใจ
แอชลี แวนซ์ นักข่าวที่ติดตามรายงานเรื่องของ ไบรอัน จอห์นสัน มานานหลายปีและร่วมอำนวยการสร้างสารคดีนี้ กล่าวว่า ทัศนคติของเขาที่มีต่อจอห์นสันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา โดยเขาให้สัมภาษณ์ในภาพยนตร์ว่า “เขาพลิกโฉมเรื่องราวทั้งหมด” ซึ่งสะท้อนให้เห็นในสารคดีนี้ที่นำเสนอเรื่องราวในหลายชั้นมิติ
แม้เราจะไม่ได้เชื่อไปทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อจอห์นสันยืนยันว่าเขาได้มอบการตัดสินใจของสมองให้กับอัลกอริทึม—ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็นการตัดสินใจที่สมองของเขาสร้างขึ้นและประเมินซ้ำอยู่ตลอดเวลา—แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ตั้งคำถามที่ท้าทายสมมติฐานของเรา ซึ่งเป็นคำถามที่ชวนให้ขบคิดและมีคุณค่าในการสำรวจ
ในแง่หนึ่ง คำว่า สุดขีด อาจยังไม่พอจะอธิบายวิถีชีวิตของ ไบรอัน จอห์นสัน ตั้งแต่เขาตื่นนอนขึ้นมารับประทาน “ยา 54 เม็ด พร้อมเครื่องดื่มสูตรพิเศษที่เขาเรียกว่า Green Giant” ไปจนถึงเวลาเข้านอนที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง—20:30 น. เป๊ะ—เพื่อให้ได้นอนหลับเป็นเวลา 8 ชั่วโมง 34 นาที พอดี เขาใช้เวลาทั้งวันไปกับการออกกำลังกาย ทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ และเฝ้าตรวจสอบ วิเคราะห์ และบันทึกพัฒนาการของร่างกายอย่างละเอียดตั้งแต่ระดับเซลล์ขึ้นไป
ในช่วงแรกของสารคดี คำถามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ นี่คือชีวิตที่ใครจะอยากยืดออกไปจริงหรือ? เพราะจอห์นสันแทบไม่เหลือเวลาให้กับสิ่งที่พวกเรามองว่าเป็นแก่นแท้ของชีวิต—ครอบครัว เพื่อน การเดินทาง ดนตรี ศิลปะ พิซซ่า ช็อกโกแลต รวมถึงความหมาย ความสัมพันธ์ และความสุข
เขาหาความหมายให้กับชีวิตจากความเชื่อมั่นว่า สิ่งที่เขาทำอยู่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ อันดับแรกคือกลุ่มผู้ติดตามที่เฝ้าดูความคืบหน้าของเขาทางออนไลน์ ซื้อหนังสือของเขา หรือทดลองผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและการบำบัดต่าง ๆ ที่เขาโปรโมต แต่ที่มากไปกว่านั้น จอห์นสันเชื่อว่าโครงการของเขาจะช่วยให้เกิดงานวิจัยที่มีคุณค่าต่อวงการวิทยาศาสตร์ด้านการยืดอายุขัย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งในสารคดีกล่าวว่า ความพยายามของจอห์นสันในการทำให้ตัวเองกลายเป็นหนูทดลองนั้นขัดแย้งกับหลักพื้นฐานของวิธีวิทยาศาสตร์ (scientific method) เพราะเขาทดลองหลายอย่างพร้อมกันมากเกินไป จนไม่สามารถระบุได้ว่าสิ่งใดส่งผลจริง (หรือทำนายผลกระทบที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างการบำบัดต่าง ๆ ได้) ดังนั้น การมีส่วนร่วมของจอห์นสันต่อวงการวิทยาศาสตร์ และโอกาสที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) จะรับรองแนวทางการรักษาหรือยาที่เขาใช้ จึงมีแนวโน้มว่าจะไม่มีนัยสำคัญมากนัก