ด้วยความช่วยเหลือของผู้หมวดจิม กอร์ดอน และอัยการเขตฮาร์วีย์ เดนท์ แบทแมนมุ่งมั่นที่จะทำลายล้างองค์กรอาชญากรรมในกอธแฮมให้สิ้นซาก การทำงานแบบสามทหารเสือดูเหมือนจะสัมฤทธิผล แต่ไม่ช้าพวกเขากลับพบว่าตกเป็นเหยื่อของจอมอาชญากรอย่างโจ๊กเกอร์ ผู้ซึ่งทำให้กอธแธมต้องตกอยู่ในความสับสน และบีบบังคับให้อัศวินดำต้องเฉียดเข้าไปใกล้เส้นแบ่งระหว่างวีรบุรุษและวายร้ายมากยิ่งขึ้น

วันนี้ฉันจะมารีวิว The Dark Knight แบบไม่มีสปอยล์!
ฉันเพิ่งมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรกไม่นานมานี้ และฉันมั่นใจมากว่านี่คือหนึ่งใน 5 อันดับหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดตลอดกาล แม้ว่าฉันจะไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของแบทแมนหรือแม้แต่ไตรภาคนี้ทั้งหมด แต่หนังเรื่องนี้พิเศษจริงๆ

เนื้อเรื่องของหนังกล่าวถึง แบทแมน ที่สามารถควบคุมอาชญากรรมในเมืองก็อตแธมได้อย่างเข้มงวด จนกระทั่ง โจ๊กเกอร์ ปรากฏตัวขึ้น ทำให้แบทแมนต้องเผชิญกับเส้นบางๆ ระหว่างความเป็นฮีโร่กับการเป็นศาลเตี้ย

คริสเตียน เบล (Christian Bale) รับบทเป็น แบทแมน/บรูซ เวย์น ซึ่งฉันถือว่าเป็นนักแสดงที่เหมาะกับบทบาทนี้เป็นอันดับสองในใจฉันเลย เขาทำได้ยอดเยี่ยมและไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ เขาสามารถถ่ายทอดตัวละครที่ลึกลับและมืดมนอย่างแบทแมนออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทีมนักแสดงที่เหลือก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ได้แก่

• แกรี โอลด์แมน (Gary Oldman) รับบท เจมส์ กอร์ดอน
• แอรอน เอ็คฮาร์ต (Aaron Eckhart) รับบท ฮาร์วีย์ เดนท์
• ไมเคิล เคน (Michael Caine) รับบท อัลเฟรด เพนนีเวิร์ธ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการคัดเลือกนักแสดงที่ฉันชอบที่สุดในเรื่องนี้

หนังเรื่องนี้มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง 32 นาที แต่ไม่ได้รู้สึกว่ายาวเกินไปเลย เพราะจังหวะดำเนินเรื่องทำออกมาได้ดีมาก

วายร้ายหลักของเรื่องนี้คือ โจ๊กเกอร์ ซึ่งรับบทโดย ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) และเขาขโมยซีนทุกฉากที่ปรากฏตัว นี่คือ จุดที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ เขาเป็นทุกอย่างที่ตัวร้ายควรจะเป็น และมากกว่านั้นอีกด้วย ฉันพูดถึงการแสดงของเขาในแง่ดีได้ไม่รู้จบ และเขาก็ได้รับรางวัล ออสการ์ จากบทบาทนี้ด้วย

สำหรับหนังที่ออกฉายในปี 2008 งาน ภาพยนตร์และมุมกล้อง (cinematography) ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจนแทบไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหนัง DC หลายเรื่องในปัจจุบันที่มี เอฟเฟกต์แย่กว่านี้มาก

ตัวละครทุกตัวในเรื่องทำออกมาได้ดี รวมถึงตัวละครที่ฉันพูดถึงไปแล้ว นอกจากนี้ยังมี

• มอร์แกน ฟรีแมน (Morgan Freeman) รับบท ลูเซียส ฟ็อกซ์
• แม็กกี้ จิลเลนฮาล (Maggie Gyllenhaal) รับบท ราเชล ดอว์ส
• คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) รับบท สแกร์โครว์

แม้ว่าตัวละครบางตัวจะมีเวลาอยู่บนจอไม่มาก แต่ทุกคนก็มีบทบาทที่สำคัญและทำออกมาได้ดี

ในฐานะที่เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ แน่นอนว่ามันมีฉากแอ็กชันอยู่พอสมควร แต่ฉันรู้สึกว่ามัน ไม่ได้ถูกใช้มากเกินไป และฉันก็สนุกกับฉากแอ็กชันแทบทุกฉากในเรื่องนี้

ฉันมักจะให้คะแนนหนังที่ฉันดูเสมอ โดยฉันจะให้คะแนนจาก 10 องค์ประกอบหลัก ของหนัง ได้แก่ ฉากแอ็กชัน, การแสดง, งานภาพ (cinematography), จังหวะดำเนินเรื่อง (pacing), ดนตรีประกอบ, ตัวละคร, ตอนจบ, เนื้อเรื่อง, ตัวเอก และตัวร้าย

ฉันให้คะแนนแต่ละองค์ประกอบจาก 1-10 แล้วนำคะแนนทั้งหมดมารวมกันเพื่อให้ได้คะแนนเต็ม 100 สำหรับ The Dark Knight ฉันให้ 95/100 และอย่างที่ฉันพูดมาตลอด นี่คือหนังที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

ฉันไม่มีข้อตำหนิอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย บอกตามตรงว่านี่เป็นหนังที่ดูสนุกและทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะการแสดงที่โดดเด่นของ ฮีธ เลดเจอร์ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น