บทเกริ่นนำของหนังระทึกขวัญที่เฉียบคมและทันสมัยเรื่องนี้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเป็น "การนำเสนอโดยสตีเวน โซเดอร์เบิร์ก" แม้ว่าชื่อนี้จะปรากฏในเครดิตเพียงจุดเดียวเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเครดิตส่วนใหญ่ควรตกเป็นของผู้กำกับ คัตเตอร์ โฮเดียร์น และมือเขียนบท จอห์น ฮิบีย์ รวมถึงทีมงานและนักแสดงของพวกเขา แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามีสัมผัสเบาๆ สไตล์โซเดอร์เบิร์กแฝงอยู่ใน "Cold Wallet" ที่เสียดสีอย่างขมขื่นถึงวิธีที่สกุลเงินดิจิทัลกลืนกินจิตวิญญาณของทุกคนที่ยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์มืดนี้

ราอูล กาสตีโญ ผู้มีเสน่ห์ รับบทเป็นบิลลี่ ตัวเอกของเรื่อง ชายที่ชีวิตพลาดพลั้งซึ่งจมลึกอยู่กับสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่ออย่างชวนให้ฉุกคิด—"ทิวลิป" (Tulip) ซึ่งใครที่รู้ประวัติศาสตร์ของฟองสบู่หุ้นคงจะเข้าใจความหมายดี บิลลี่หวังจะถอนเงินออกมาให้พอซื้อบ้าน เพื่อให้เขาได้มีโอกาสใกล้ชิดกับลูกสาวมากขึ้น หลังจากที่เธออาศัยอยู่กับอดีตภรรยาผู้ขมขื่น (รับบทโดย โซอี้ วินเทอร์ส จาก "Succession") ทว่าเมื่อเขาเข้าใกล้เป้าหมายเพียงนิดเดียว ค่าสกุลเงินดิจิทัลนี้กลับร่วงดิ่งลงทันที หลังมีข่าวว่าผู้ก่อตั้งเสียชีวิตกะทันหัน จากที่คิดว่าจะได้เงิน บิลลี่กลับพบว่าตัวเองกลายเป็นหนี้ เช่นเดียวกับเพื่อนสนิท ฮิปปี้-นักกีฬาสายลุย ดอม (รับบทโดย โทนี่ คาเวลเลโร) ที่บิลลี่ชักชวนให้ลงทุนใน Tulip และตอนนี้กำลังเสี่ยงจะสูญเสียธุรกิจยิมของตัวเอง

เอวา (เมโลนี ดิแอซ) นักลงทุนอีกคนของ Tulip ที่บิลลี่รู้จักผ่านชุมชนใน Reddit ค้นพบว่าจริงๆ แล้ว ชาร์ลส์ เฮเกล (รับบทโดย จอช เบรเนอร์ จาก Silicon Valley) ผู้ก่อตั้งสกุลเงินนี้ไม่ได้เสียชีวิตเลย—แต่กลับซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลนัก ดังนั้น เอวา, ดอม และบิลลี่จึงตัดสินใจออกตามหาเขา และบีบบังคับให้เขาชดใช้ ไม่ใช่แค่กับพวกเขาเอง แต่กับทุกคนที่ขาดทุนจากการล่มสลายของ Tulip

แน่นอนว่าเรื่องราวไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แม้พวกเขาจะหาตัวเฮเกลเจอ แต่ช่องว่างระหว่างความสามารถของทั้งสามคนกับความเจ้าเล่ห์และชั้นเชิงในการหลบหลีกของเฮเกลนั้นชัดเจน หนังเต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับพาสคีย์, กระเป๋าเงินเย็น (cold wallets) และเรื่องไอทีอื่นๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ หนังไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีมากนัก กลับให้ความสำคัญกับจิตวิทยาของตัวละครมากกว่า โดยเฉพาะเส้นบางๆ ระหว่างความโลภ ความโกรธ และความไร้อำนาจ ที่ขับเคลื่อนโลกทุนนิยมใบนี้