นางงามอิตาลีต้องไม่ตาย ซับไทย เรื่องราวเบื้องหลังความอลังการของการประกวดมิสอิตาเลีย ผู้กำกับ ปาตริเซีย มิริเกลียนี ต่อสู้อย่างหนักเพื่อรักษาการประกวดอันโด่งดังนี้เอาไว้ ซึ่งขณะนี้กำลังหวั่นไหวท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวและมาตรฐานความงามที่เปลี่ยนแปลงไป

เรื่องราวคืออะไร?

MISS ITALIA MUSTNT DIE เผยให้เห็นอคติที่ฝังแน่นของผู้ชายยุคเก่าผ่านเวทีประกวดนางงามที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งมานานหลายทศวรรษ ปัญหากำลังก่อตัวขึ้น เมื่อขบวนการเฟมินิสต์และผู้หญิงรุ่นใหม่ที่กล้าเปล่งเสียงเริ่มมองว่าการประกวดเหล่านี้ไม่ได้มอบทั้งประโยชน์หรือศักดิ์ศรีให้แก่พวกเธอ อีกทั้งสถานีโทรทัศน์สาธารณะของอิตาลีซึ่งเคยถ่ายทอดงานนี้มานานหลายปี ก็เลิกออกอากาศไปแล้ว เพื่อตัดขาดจากทัศนคติต่อผู้หญิงที่การประกวดนี้สะท้อนออกมา

ขณะที่ Patrizia Mirigliani ผู้กำกับที่ดูแลการประกวดมายาวนาน พยายามอย่างหนักเพื่อดึงเวทีกลับมาสู่จอทีวี ผู้นำระดับภูมิภาคกลับดูเหมือนจะไม่ตระหนักเลยว่า พวกเขาเองมีส่วนในการกักขังผู้หญิงไว้ภายใต้มาตรฐานความงามที่เข้มงวด  มาตรฐานที่แทบไม่เคยถูกนำมาใช้กับผู้ชายเลย

ด้วยรูปร่างพุงพลุ้ยและเส้นผมรุงรัง พวกเขากลับเป็นฝ่ายบอกให้ผู้หญิงลดน้ำหนัก ดูแลรูปลักษณ์ให้ดีขึ้น และทำผมให้ดูต่างออกไป พวกเขาเย้ยหยันรูปร่างของผู้หญิง วิจารณ์บั้นท้ายที่ใหญ่เกินไป และกำหนดมาตรฐานความงามที่กระตุ้นให้เกิดปัญหาการกิน ทั้งที่แทบไม่ให้ความสำคัญกับพรสวรรค์หรือความสามารถของผู้หญิงเลย

          พวกเขาบ่นอุบเมื่อมีความพยายามเปลี่ยนแปลงการประกวดให้ลดบรรยากาศแบบ "ตลาดเนื้อสด" ที่บางคนเรียกกัน พวกเขาไม่พอใจที่บิกินี่ถูกแบน สำหรับพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่ายิ่งโชว์เนื้อมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี  

ผู้กำกับการประกวดได้รับช่วงต่อธุรกิจอันคลุมเครือนี้มาจากพ่อของเธอ เธอทั้งไม่พอใจที่สังคมมองว่าการประกวดเป็นการลดทอนคุณค่าของผู้หญิง และในขณะเดียวกันก็ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าการทำงานกับเวทีนี้มา 24 ปีเป็นเรื่องยากอย่างเหลือเชื่อ ส่วนใหญ่เพราะเธอเป็นผู้หญิง  

เธอติดอยู่ระหว่างความรักและความผูกพันต่อผลงานตลอดชีวิตของพ่อ กับความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นว่าการประกวดนางงามอาจมีบางอย่างที่ผิดไปจากที่ควรเป็น

 

มันน่าสนใจไหม?

          Miss Italia Mustnt Die เป็นหนังที่ให้ความบันเทิงแบบแยบยล จุดอ่อนและจุดแข็งของมันคือสิ่งเดียวกัน  มันปล่อยให้ผู้นำเวทีประกวดพูดในนามของตัวเองโดยไม่มีการแสดงความคิดเห็นแทรก

เหล่าผู้ชายวัยชรา ที่ยังคงมองว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสมบูรณ์แบบของสตรี เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าผู้หญิงจำนวนมากไม่ต้องการถูกตัดสินด้วยมาตรฐานของพวกเขา และผู้กำกับการประกวดก็ทั้งรักเวทีนี้และไม่พอใจที่การเป็นผู้นำต้องเผชิญกับอคติต่อผู้หญิงในที่ทำงานอยู่ทุกวัน

พวกเขาทุกคนโทษ พวกเฟมินิสต์สุดโต่ง ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้การประกวดของพวกเขาถดถอย กรรมการถึงกับโอ้อวดว่า สิ่งแรกที่พวกเขาทำเมื่อพบสาว ๆ ที่มาออดิชันคือขอให้พวกเธอรวบผมขึ้น เพื่อที่เหล่าผู้ชายจะสามารถคัดคนที่มี "หูกางเหมือนช้าง" ออกไปได้

          ผู้สร้างภาพยนตร์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อมุมมองเหล่านี้ แต่พวกเขากลับเลือกโฟกัสไปที่ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่ง ซึ่งแทบจะแน่นอนว่าเธอจะแพ้  หญิงสาวที่มีการศึกษาดี กล้าพูดตรงไปตรงมา ตัดผมสั้นท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันที่มีเรือนผมยาวสลวย และเกลียดชังมาตรฐานความงามที่เธอต้องแข่งขันด้วย ในขณะเดียวกันก็ยังแอบหวังว่าเธออาจจะชนะ

โดยรวมแล้ว เหล่าผู้นำเวทีประกวดฟังดูไม่ต่างจากผู้เข้าร่วมงานสัมมนาอุตสาหกรรมอาหารฟาสต์ฟู้ดที่กำลังคร่ำครวญว่า "สาธารณชนบอกว่าเราทำลายสุขภาพของพวกเขา"