ลองนึกภาพนักฆ่าหรือมือปืนวัยเกษียณ หรืออาชญากรที่อยู่ในวงการมานาน กำลังย้อนมองชีวิตที่เต็มไปด้วยความเสื่อมโทรมและอาชญากรรม พร้อมตั้งคำถามว่าทั้งหมดนี้นำพาเขามาสู่จุดไหน

เพิ่มเข้าไปอีกนิดด้วยสาวสวยสุดเย้ายวนที่อายุห่างจากเขาหลายสิบปี (แต่ไม่ถึงขนาดทำให้เธอดูเหมือนลูกสาวของเขา) ซึ่งมอบโอกาสให้เขาได้พบกับความรักในช่วงท้ายของชีวิต และลูกศิษย์หนุ่มขี้กังวลที่การมีตัวตนของเขาเป็นเครื่องเตือนใจให้ชายแก่รู้ว่าความรุ่งเรืองของตนกำลังจะจบลง

โยนมุกตลกฝืด ๆ สองสามประโยคเข้าไป พร้อมฉากยิงกันที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก แล้วคุณก็จะได้ภาพยนตร์แนว Liam Neeson/Nic Cage/John Cusack ที่ออกมาในช่วงสิบห้าปีที่ผ่านมาแทบทุกเรื่อง น่าเสียดายที่นั่นก็คือโครงสร้างหลักของ Old Guy หนังแอ็กชันเกรด VOD ที่ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย นอกจากเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ปล่อยให้พรสวรรค์ของนักแสดงต้องสูญเปล่า

กำกับโดย ไซมอน เวสต์ (ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านหนังแนว geezer-teaser หรือหนังแอ็กชันสำหรับพระเอกวัยเก๋า จากผลงานอย่าง The Expendables 2, Stolen และ Mechanic) Old Guy—ชื่อเรื่องที่แทบไม่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เลย—ส่ง คริสตอฟ วอลซ์ นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ มารับบทเป็น แดนนี่ โดลินสกี้ นักฆ่าวัยหกสิบกว่า ผู้ที่มาถึงช่วงปลายอาชีพของเขา

เขาเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดมือ และโรคข้ออักเสบก็ทำให้ฝีมือลั่นไกของเขาไม่แม่นเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้น เขายังยืนยันว่า “น้ำมันในถังยังไม่หมด” และกระตือรือร้นที่จะเดินหน้าทำงานสังหารที่เขารับมานานกว่า 30 ปีให้กับองค์กรลึกลับต่อไป

แต่ในภารกิจล่าสุด—แผนลอบโจมตีกลุ่มมาเฟียไอริช—โอปอล (แอน อคินจิริน) ผู้ดูแลของเขา บังคับให้แดนนี่ต้องทำงานร่วมกับ วิลบอร์ก (คูเปอร์ ฮอฟฟ์แมน) นักฆ่าดาวรุ่งที่น่าจับตามอง “เรากำลังลดอายุทีมงานลงทุกตำแหน่ง” เธอบอกเขา แต่นั่นเป็นคำพูดที่แดนนี่สามารถตีความได้ไม่ยาก—เขากำลังฝึกคนที่จะมาแทนที่ตัวเอง

แน่นอนว่าสิ่งที่ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงก็คือ วิลบอร์กดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของมิลเลนเนียลหรือเจน Z (แล้วมันต่างกันตรงไหน? แดนนี่บ่นออกมา) เต็มรูปแบบ—เสื้อผ้าสตรีตแวร์สีพาสเทล, เล็บทาสี, การรังเกียจไขมันทรานส์และแอลกอฮอล์

หนัง Old Guy ส่วนใหญ่ทุ่มเวลาไปกับเรื่องราวของแดนนี่และการเล่นบท Hitman-and-a-Half คู่กับวิลบอร์ก ซึ่งอาจจะดูสนุก (เพราะวอลซ์และฮอฟฟ์แมนเป็นนักแสดงที่มีพลังดึงดูดสุดยอดบนจอ) หากไม่ติดว่า บทของเกร็ก จอห์นสัน นั้น สูตรสำเร็จจนเจ็บปวด

แน่นอนว่าวอลซ์ใส่เสน่ห์จอมเจ้าเล่ห์แบบเฉพาะตัวของเขาลงไปพอให้บทของโดลินสกี้ดูมีมิติขึ้นมาบ้าง และถ้ามองแบบเป็นกลาง ก็ดูสนุกดีที่เห็นวอลซ์ไว้หนวด แสยะยิ้ม และเต้นไปตามจังหวะเพลงในคลับนีออนที่เขา แก่เกินกว่าจะมาอยู่ตรงนี้ชัด ๆ

แต่ที่น่าสงสารคือฮอฟฟ์แมน เขาต้องติดอยู่กับบทบาทที่เต็มไปด้วยคาแรกเตอร์แบบ เด็กรุ่นนี้มันเป็นแบบนี้แหละ ที่ถูกเขียนขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ไม่ได้แม้แต่จะน่ารำคาญพอที่จะทำให้คนดูเข้าใจว่าทำไมแดนนี่ถึงหงุดหงิดกับเขา เขาเป็นแค่ คนหนึ่ง ที่เข้ามาขัดจังหวะความโดดเดี่ยวของโดลินสกี้ก็เท่านั้น

แต่นั่นยังเป็นปัญหาที่เล็กที่สุดของ Old Guy เพราะหนังยังเต็มไปด้วยจุดอ่อนอีกเพียบ ตั้งแต่บทบาทที่แทบไม่มีค่าอะไรเลยของลูซี่ หลิว ซึ่งรับบทเป็นคู่รักของตัวเอกแต่แทบไม่มีอะไรให้ทำ ไปจนถึงบทภาพยนตร์ที่ดูติดขัดและวนลูป ซ้ำยังไม่สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับสงครามระหว่างแก๊งมาเฟียที่แทบไม่มีการปูพื้นให้เข้าใจ ว่าทำไมตัวละครของเราถึงเข้าไปพัวพันกับมัน

หนังมีช่วงแวะออกนอกทางบ้าง อย่างเช่นฉากช่วยแม่ของแดนนี่จากพวกมาเฟีย หรือฉากพยายามช่วยเหลือแบบขอไปทีในห้างร้าง (ซึ่งดูเหมือนจะเป็น สถานที่ถ่ายทำราคาประหยัด สำหรับฉากยิงกันครั้งใหญ่ในไคลแมกซ์) และที่พลาดหนักที่สุดก็คือการพยายามใส่บทสนทนาแบบ wannabe-Tarantino หรือพวกประโยคเท่ ๆ เสียดสี ที่คิดว่าฟังดูเฉียบ แต่กลับกลายเป็นแค่ พยายามจะเป็น

และแน่นอนว่าทุกอย่างก็ไปลงที่คริสตอฟ วอลซ์ ซึ่งต่อให้เก่งแค่ไหนก็ช่วยกอบกู้บทหนังนี้ไม่ได้เลย ตัวละครโดลินสกี้ควรจะเป็นนักฆ่าหน้ามึนที่มีหัวใจทองคำ แต่บุคลิกแบบนั้นขัดกับลักษณะนิสัย จอมวางแผน เจ้าเล่ห์แบบแมวเชสเชียร์ ของวอลซ์โดยสิ้นเชิง นี่เป็นบทที่ถ้าถ่ายทำเมื่อ 20 ปีก่อน อาจจะเหมาะกับบรูซ วิลลิสมากกว่าด้วยซ้ำ

มันยากที่จะไม่รู้สึกเห็นใจคริสตอฟ วอลซ์ ซึ่ง (ตามที่หนึ่งในคลิป Funny or Die ยุคเก่าเคยแซวไว้) ดูเหมือนจะมีปัญหาในการก้าวจากชัยชนะบนเวทีออสการ์ไปสู่การเป็นดาราระดับเอลิสต์ตัวจริงในฮอลลีวูด Old Guy น่าจะเป็นหนึ่งในโอกาสไม่กี่ครั้งที่เขาได้ทำอะไรที่แตกต่างไปจากการเล่นเป็นตัวร้ายในหนังแอ็กชันฟอร์มยักษ์ น่าเสียดายที่ตัวหนังกลับไม่สามารถรองรับศักยภาพของเขา (หรือแม้แต่ของนักแสดงร่วมคนอื่น ๆ) ได้เลย

แม้แต่ฉากเปิดเครดิตที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Saul Bass ก็เป็นเพียงแค่ น้ำตาลเคลือบเค้ก สำหรับหนังที่เป็นเพียงการรีไซเคิลสูตรสำเร็จของหนังตลกอาชญากรรมและทริลเลอร์เกรดรอง ที่ทั้งดำเนินเรื่องอย่างติดขัดและภาพก็ดูมืดมัวไร้ชีวิตชีวา ไม่ว่าจะแต่งรสด้วยมุกแสบแค่ไหน หรือพยายามเสียดสีแนวหนังเหล่านี้เท่าไหร่ ก็ไม่มีทางช่วยให้มัน แม่นเป้า ขึ้นมาได้เลย

ได้โปรดมีใครก็ได้พาวอลซ์ออกจากบทแบบนี้ก่อนที่เขาจะ แก่เกินไปสำหรับเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ อย่างจริงจัง!