Demon City (2025) เป็นเรื่องราวของ ชูเฮย์ ซากาตะ ถูกกล่าวหาว่าฆ่าภรรยาและลูกของตัวเอง และพยายามฆ่าตัวตายด้วยการยิงหัวตัวเอง แม้ว่าเขาจะบริสุทธิ์ แต่เขาก็ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลในเรือนจำ และต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 15 ปี โดยยังคงพิการอยู่ หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัว เขาได้พบกับเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เขาได้ฟื้นฟูความสามารถทางร่างกายของตัวเอง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปสามารถติดตามชมได้ที่นี่

ใครที่ชอบคอนเทนท์ที่หยิบเอาตำนานมังงะต่อสู้มันส์ ๆ มาขึ้นจอใหญ่ ต้องไม่พลาดเรื่องนี้ Demon City เมืองอสูร หนังที่ดัดแปลงสร้างมาจากการ์ตูนแอคชันต่อสู้ยอดนิยมเรื่องล่าสุด อย่าง Oni Goroshi ที่เป็นการบดขยี้ปมความแค้นและการต่อสู้ที่ดุเดือดโดดใจ จากฝีมืองานสร้างของนักสร้างหนังเจนวายที่ไอเดียพลุกพล่าน

ซากาตะ ชูเฮ มือสังหารผู้เก่งกาจที่วางแผนจะเกษียณออกจากวงการ เพื่อใช้ชีวิตสงบสุขอยู่กับลูกเมีย แต่ปรากฏว่าเขาถูกกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลในเมืองย้อนศรมาทำร้ายและฆ่าลูกเมียทิ้ง พร้อมกับทำให้เขานอนเป็นผัก และป้ายสีว่าเขาคือผู้ที่ลงมือฆ่าลูกเมียตัวเอง หลังจากที่เป็นผู้ทุพพลภาพถูกจองจำมา 12 ปีเต็ม เมื่อเขาพ้นโทษออกมาก็พบว่าเมืองได้เปลี่ยนไปอยู่ในน้ำมือของพวกยากูซาชั่วโฉด ด้วยปาฏิหาริย์ที่ไม่น่าเชื่อทำให้เขาพลิกฟื้นสภาพร่างกายกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เขาจึงสาบานตนว่าล้างมลทินให้ตัวเองและล้างแค้นพวกปีศาจภายใต้หน้ากากอสูรเหล่านี้ให้สิ้นซาก

หนังเรื่องนี้สร้างมาจากมังงะ Oni Goroshi ของ มาซามิจิ คาวาเบะ ที่เป็นการ์ตูนใหม่ที่เพิ่งจะตีพิมพ์ออกมาเมื่อปี 2020 โดยที่ได้ผู้กำกับหนุ่มไฟแรง เซอิจิ ทานากะ มารับหน้าที่กำกับและดัดแปลงเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง นี่คือผลงานหนังฟอร์มดีที่เขาได้มาละเลงงานสร้าง หลังจากที่เพิ่งแจ้งเกิดมาจาก Melancholic หนังเขย่าขวัญอินดี้ เมื่อปี 2019 ที่เขายังคงหยิบเอาสไตล์ความดิบเถื่อนที่ถนัดมาใส่เอาไว้ในผลงานนี้ด้วย

Demon City อาจจะไม่ใช่หนังญี่ปุ่นที่แปลกใหม่อะไรสักเท่าไหร่ เพราะงานสร้างและโปรดักชันก็ยังคงกลิ่นอายกับลายเส้นแบบญี่ปุ่นจ๋า ๆ งานภาพและจังหวะหนังค่อนข้างบ่งชี้ได้ชัดเจนว่าเป็นหนังญี่ปุ่นโดยแท้ แต่อย่างน้อย ๆ ก็สามารถสร้างโทนความดิบเถื่อนแห่งวังวนอาชญากรรมของญี่ปุ่นได้ค่อนข้างถึงอยู่ โดยที่หนังก็ค่อนข้างโดดเด่นดีในแง่การดีไซน์ฉากแอคชันและฉากต่อสู้ที่เดือดดาล และมีจังหวะที่ดี ถึงจะเสียดายที่จังหวะในส่วนนี้ใส่มาไม่ค่อยจุใจเท่าไหร่

ในแง่ของบทหนังและทิศทางการเล่าเรื่อง Demon City ก็แทบจะเป็นหนังที่เดาทางเดาจังหวะได้ไม่ยากเย็น เพราะไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเลย ดำเนินเรื่องและเล่าไปแบบไม่ออกนอกลู่นอกทาง ตามพล็อตหนังที่หวังจะล้างแค้นให้กับปมในอดีตที่ขึงขึงตลอดเวลา ก็สไตล์เดียวกับพวกหนัง John Wick ฝั่งฮอลีวูดอะไรทำนองนั้น เน้นปฏิบัติไม่เน้นพูดพร่ำทำเพลงให้เยอะแยะ แต่ก็ยังมีบางจุดบางร่องที่มีความประหลาด ๆ ในการผสมผสานหนังออกมาด้วยรสชาติที่แปลกอยู่

โทมะ อิคุตะ ดุดันกับบทบาทที่เขาต้องรับมือผิดชอบด้วยดี แต่ด้วยความที่เป็นนักแสดงระดับมืออาชีพแถวหน้าของญี่ปุ่น เขาก็สามารถแบกบทนำและทำหน้าที่แบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างน่าพอใจ ถึงจะน่าเสียดายที่คาแรกเตอร์ของเขาไม่ค่อยมีมิติสักเท่าไหร่นัก เพราะเต็มไปด้วยโทสะและอาการขาสติเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้เป็นบทบาทฮีโร่กลับมาล้างแค้นที่คนดูอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินและใกล้ชิดกับเขาด้วยมากนัก

ขณะที่ทีมนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ อย่าง มัตสึยะ โอโนเอะ, มาซาฮิโระ ฮิงาฮิเดะ หรือ อามิ โทอุมะ ก็ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นมากนัก พวกเขาก็รับมือกับบทบาทของตัวเองแบบคงเส้นคงวาดี ออกจะเป็นตัวละครทื่อ ๆ ที่จะนำมาจับวางตามพล็อตเรียงลำดับ 1 2 3 ไปเรื่อย ๆ เท่านั้น จึงเป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างพื้นฐานและขาดสีสันไปอย่างน่าผิดหวังนิดหน่อย แต่ยังดีที่ลีลาแอคชันของหนังเรื่องนี้ยังทดแทนพอได้อยู่

ดังนั้นในภาพรวมแล้ว Demon City เมืองอสูร ก็จัดได้ว่าเป็นหนังแอคชันดีเดือดกับการหวนมาล้างแค้นของพ่อหนุ่มคลั่งไฟแค้น ที่น่าจะเซอร์วิสคอหนังบู๊ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่างานสร้างอาจจะไม่ได้ดีเด่นในทุกองค์ประกอบอะไรขนาดนั้น จังหวะต่าง ๆ ยังเป็นไปตามสูตรที่จับวางบล็อกกิ้งเอาไว้ไม่ค่อยไหลลื่นสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อย ๆ หนังก็สามารถมอบอรรถรสความบันเทิงได้ถึงใจกับคนดูได้อย่างตอบโจทย์ค่อนข้างน่าพอใจ