ทหารรับจ้างรับหน้าที่ติดตามเป้าหมายบนเครื่องบิน แต่ต้องปกป้องเธอเมื่อถูกล้อมรอบด้วยผู้คนที่พยายามฆ่าทั้งคู่ ตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่อง Fight or Flight คืออดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ลูคัส ซึ่งบินไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาในช่วงสุดสัปดาห์ เครื่องบินถูกผู้ก่อการร้ายจี้และตกที่ไหนสักแห่งที่ห่างไกลจากอารยธรรม ตัวละครหลักสามารถหลบหนีและช่วยตัวเองได้ แต่เขาตัดสินใจต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย ซึ่งสามารถฆ่าผู้โดยสารที่รอดชีวิตทั้งหมดได้

ก่อนอื่น ขอพูดในเชิงศัพท์เทคนิคหน่อย: แม้ว่าชื่อหนังนี้จะเล่นคำได้น่าสนใจ แต่จริง ๆ แล้วมันควรจะชื่อว่า Fight On Flight มากกว่า เพราะนี่คือพล็อตที่อิงอยู่บนแนวคิดสุดโต่งแบบสนุกสุดเหวี่ยง ซึ่งเปิดทางให้เกิดฉากต่อสู้ยาว 90 นาที บนความสูง 30,000 ฟุต

ภาพยนตร์เปิดฉากขึ้นด้วยการเน้นย้ำแนวคิดนี้ผ่าน มอนทาจสุดระห่ำของความรุนแรงบนเครื่องบิน: รถเข็นอาหารถูกกระแทกเข้ากลางลำตัวใครบางคน, ปืน Uzi ถูกเตะปลิวจากมือด้วยดรอปคิก, และเลื่อยไฟฟ้าถูกโยนอย่างสนุกสนานเข้าไปยังที่นั่งชั้นประหยัด—และทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ภายในสองนาทีแรก ของหนัง!

จากนั้น เรื่องราวย้อนกลับไป 12 ชั่วโมงก่อนหน้า องค์กรลับระดับเงามืด ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานรัฐบาลเถื่อนบางประเภท กำลังไล่ล่า แฮ็กเกอร์หมวกดำ (blackhat terrorist) ที่เป็นที่รู้จักในนาม The Ghost

ผ่านบทสนทนาแบบสปีดรัว เราได้รู้ว่า The Ghost เป็นยอดแฮ็กเกอร์ที่สามารถ ล่มเศรษฐกิจของหลายประเทศ และถึงขั้น ทำลายแหล่งน้ำมันสำรองของเยเมน องค์กรปริศนานี้—ซึ่งตัวตนที่แท้จริงจะถูกเปิดเผยในช่วงท้ายของเรื่อง—ตัดสินใจ จ้างทหารรับจ้างตกอับ นามว่า ลูคัส เรเยส (รับบทโดย Josh Hartnett ผู้ที่ดูจะสนุกกับบทนี้สุด ๆ) ชายผู้มีผมสีบลอนด์ซีดและติดเหล้าอย่างหนัก

ภารกิจของเขาง่ายมาก:
เพื่อแลกกับการได้ชีวิตเก่าของเขาคืนมา ลูคัสต้องขึ้นเครื่องจากกรุงเทพฯ ไปซานฟรานซิสโก ตามหา The Ghost จับตัวให้ได้ และพากลับไปอเมริกาอย่างปลอดภัย

แต่มีปัญหาใหญ่:
The Ghost มีศัตรูอยู่ทั่วทุกหนแห่ง และทุกฝ่ายต่างรู้แผนหลบหนีนี้ ทำให้ รายชื่อผู้โดยสารเต็มไปด้วยมือสังหารจากทั่วทุกมุมโลก นำไปสู่ประโยคเด็ดที่ถูกกล่าวขึ้นโดย Katee Sackhoff (จาก The Mandalorian) ด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก:

คุณกำลังจะบอกฉันว่า บนเครื่องบินลำนั้นเต็มไปด้วยนักฆ่าเหรอ!?